หน้าหลัก ข่าวประชาสัมพันธ์ ประกาศสภาวิศวกร เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานของสภาวิศวกร กรณีเหตุแผ่นดินไหวและการวิบัติของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่

ประกาศสภาวิศวกร เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานของสภาวิศวกร กรณีเหตุแผ่นดินไหวและการวิบัติของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่

ประกาศสภาวิศวกร

เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานของสภาวิศวกร

กรณีเหตุแผ่นดินไหวและการวิบัติของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่

ตามที่ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ซึ่งเป็นอาคารสูง 30 ชั้นและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้เกิดการวิบัติอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สภาวิศวกรตระหนักถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ติดตาม ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. ด้านการบรรเทาสาธารณภัย

1.1 เมื่อสภาวิศวกรได้รับทราบเหตุแผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่ออาคาร สตง. แห่งใหม่ สภาวิศวกรได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยทันที โดยจัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมให้คำแนะนำทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการค้นหาผู้ประสบภัย การเคลื่อนย้ายซากอาคาร และการรื้อถอนโครงสร้างที่ได้รับความเสียหายให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ทั้งนี้ การดำเนินงานทั้งหมดอยู่ภายใต้ข้อพิจารณาด้านความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงาน ผู้ประสบภัย และประชาชนในบริเวณโดยรอบ โดยสภาวิศวกรได้บูรณาการความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

1.2 สภาวิศวกรได้จัดส่งวิศวกรอาสาเข้าร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้การสนับสนุนด้านวิชาการแก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านการตรวจประเมินความเสียหายของอาคารและให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการซ่อมแซมหรือดำเนินการที่เหมาะสมตามหลักวิศวกรรม

1.3 สภาวิศวกรร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดตั้งและเปิด “กองอำนวยการร่วมตรวจอาคารหลังแผ่นดินไหว” ระหว่างวันที่ 5 เมษายน ถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการตรวจสอบและประเมินความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ กองอำนวยการฯ ทำหน้าที่ประสานงานกับประชาชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดให้มีวิศวกรอาสาหมุนเวียนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานกองอำนวยการ เพื่อให้คำแนะนำเชิงวิศวกรรมที่ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นประโยชน์ในการซ่อมแซม ฟื้นฟู ความมั่นคงของอาคาร ทั้งนี้การดำเนินงานของกองอำนวยการฯ ได้มีการสนับสนุนจากวุฒิวิศวกรผู้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตรงด้านการตรวจสอบและประเมินสภาพโครงสร้างอาคาร เพื่อให้มั่นใจว่าการให้ข้อเสนอแนะแก่ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความถูกต้องตามหลักวิชาชีพวิศวกรรม และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ

2. ด้านวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาการด้านวิศวกรรม

2.1 สภาวิศวกรได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างเข้าร่วมปฏิบัติงานกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อร่วมค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการออกแบบอาคารและสาเหตุของการถล่มของอาคาร สตง. แห่งใหม่ ปัจจุบันกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงใกล้จะแล้วเสร็จ และเมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว สภาวิศวกรจะนำผลดังกล่าวมาขยายผลเป็นบทเรียนสำคัญในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการออกแบบและก่อสร้างอาคารในอนาคต

2.2 สภาวิศวกรได้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อรวบรวมและประเมินข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายใต้อำนาจหน้าที่ของสภาวิศวกร จากกรณีการวิบัติของอาคาร สตง. แห่งใหม่ โดยรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งในเชิงวิชาการและด้านการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ทั้งนี้ สภาวิศวกรได้มีหนังสือถึงนิติบุคคลและวิศวกรทุกรายที่ปรากฏชื่อเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติวิชาชีพ บทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบของแต่ละรายในโครงการ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถประเมินความเหมาะสมของกระบวนการประกอบวิชาชีพในกรณีดังกล่าวอย่างรอบด้าน  ปัจจุบันมีนิติบุคคลจำนวน 3 ราย และวิศวกรจำนวน 7 ราย ที่ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมายังสภาวิศวกรแล้ว และคณะทำงานอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของข้อมูลที่ได้รับเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป

2.3 สภาวิศวกร โดยคณะอนุกรรมการประสานงานด้านภัยพิบัติและกำกับดูแลวิศวกรอาสา ร่วมกับคณะทำงานวิศวกรอาสา ได้จัดกิจกรรมสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้และเพิ่มพูนทักษะให้แก่สมาชิก โดยได้เชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขามาให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เชิงวิชาการ การสัมมนาดังกล่าวมุ่งหวังให้วิศวกรสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะในการรับมือและฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับหลักจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

2.3.1 จัดทำรายการคุยเฟื่องเรื่องวิศวกรรม ตอนพิเศษ เรื่อง “การวินิจฉัยรอยร้าวในอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว” เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568

2.3.2  จัดทำรายการคุยเฟื่องเรื่องวิศวกรรม “วิศวกรอาสาสภาวิศวกรกับการวินิจฉัยอาคารแผ่นดินไหว” เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568

2.3.3 จัดสัมมนา เรื่อง “Highrise Building Safety after Earthquake (ความปลอดภัยในอาคารสูง)”  เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568

2.3.4 จัดสัมมนาให้ความรู้กับสมาชิก เรื่อง “ผลกระทบจากแผ่นดินไหวและการออกแบบอาคารสูงเพื่อรองรับแผ่นดินไหว” เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568

2.3.5 จัดอบรมเรื่อง “ข้อเท็จจริงทางเทคนิคของกระบวนการผลิตเหล็กเสริมคอนกรีตในการก่อสร้าง: เปรียบเทียบเทคโนโลยีเตาหลอมและกระบวนการ Tempcore กับการทำให้เย็นด้วยอากาศ” เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

3. ด้านการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542

3.1 สภาวิศวกรได้ตรวจสอบสถานะใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของนิติบุคคลจำนวน 5 ราย และวิศวกรจำนวน 16 ราย ตามที่ปรากฏในข่าว ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง และดำเนินการก่อสร้างอาคาร สตง. แห่งใหม่ จากการตรวจสอบพบว่า นิติบุคคลและวิศวกรทุกรายมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมถูกต้องและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นการประกอบวิชาชีพเกินขอบเขตความสามารถตามประเภทและระดับของใบอนุญาตที่ถือครอง ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย และรักษามาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพวิศวกรรมอย่างเคร่งครัด

3.2 ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ด้านการกำกับดูแลจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สภาวิศวกรได้ดำเนินการกล่าวโทษผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นได้กล่าวโทษวิศวกรจำนวน 1 ราย ซึ่งได้ลงลายมือชื่อรับรองในงานวิศวกรรมที่ตนไม่ได้ปฏิบัติจริง อันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ พ.ศ. 2559 ข้อ 10 ต่อมา สภาวิศวกรได้ดำเนินการกล่าวโทษเพิ่มเติมต่อผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอีกจำนวน 15 ราย ตามข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรมและการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ พ.ศ. 2559

3.3 สภาวิศวกรได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปฏิบัติงานทางวิศวกรรมโดยบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของวิศวกรชาวต่างชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้สภาวิศวกรสามารถพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 และเพื่อให้การประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศไทยเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

4. ด้านอื่น ๆ

4.1 สภาวิศวกรได้จัดการแถลงข่าวหัวข้อ “กรณีอาคาร สตง. ถล่ม กับบทบาทของสภาวิศวกร” เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินงานของสภาวิศวกรต่อสาธารณชน โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว ได้แก่ ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร รศ.ดร.ขวัญชัย ลีเผ่าพันธุ์ อุปนายกสภาวิศวกร คนที่สอง รศ.ดร.การุญ จันทรางศุ ประธานกรรมการจรรยาบรรณ และนายประสงค์ นรจิตร์ ประธานอนุกรรมการกฎหมายของสภาวิศวกร การแถลงข่าวดังกล่าวจัดขึ้นต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับบทบาทของสภาวิศวกรต่อกรณีการวิบัติของอาคาร สตง. แห่งใหม่ นอกจากนี้สภาวิศวกรยังได้จัดกิจกรรมสื่อสารกับสมาชิกผ่านรายการ คุยเฟื่องเรื่องวิศวกรรมกับสภาวิศวกร ตอนพิเศษ หัวข้อ “กรณีอาคาร สตง. ถล่ม!!! กับบทบาทของสภาวิศวกร” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้สมาชิกได้รับทราบโดยตรง พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์

4.2 ในช่วงที่ผ่านมา สภาวิศวกรได้รับหนังสือสอบถามและข้อเสนอแนะจากสมาชิกและบุคคลภายนอกหลายราย เกี่ยวกับกรณีการวิบัติของอาคาร สตง. ซึ่งสภาวิศวกรได้ดำเนินการตอบชี้แจงครบถ้วนทุกราย สำหรับกรณีที่มีการแสดงความคิดเห็นหรือข้อสงสัยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยมิได้มีหนังสือส่งมายังสภาวิศวกรโดยตรงนั้น สภาวิศวกรมิได้ตอบข้อชี้แจงเป็นรายกรณี อย่างไรก็ดี สภาวิศวกรได้รวบรวมข้อคิดเห็นที่ปรากฏในช่องทางต่าง ๆ เพื่อนำมาพิจารณาประกอบการสรุปผลการดำเนินงาน และจะเผยแพร่คำชี้แจงในภาพรวมผ่านรายงานสรุปผลการดำเนินงานฉบับนี้ เพื่อให้ประชาชนและสมาชิกได้รับทราบข้อมูลโดยทั่วกัน

ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์

                                                                                 19 พฤษภาคม 2568