หน้าหลัก กรณีขอให้ศาลปกครองเพิกถอนมติของสภาวิศวกรที่ยกเลิกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี ระดับภาคีวิศวกร และปฏิเสธคำขอรับใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดี

กรณีขอให้ศาลปกครองเพิกถอนมติของสภาวิศวกรที่ยกเลิกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี ระดับภาคีวิศวกร และปฏิเสธคำขอรับใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดี

รายงานผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องสภาวิศวกรต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติของสภาวิศวกรที่ยกเลิกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี ระดับภาคีวิศวกร และปฏิเสธคำขอรับใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว และให้สภาวิศวกรออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี ระดับสามัญวิศวกร และระดับวุฒิวิศวกร เพื่อให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย  และให้สภาวิศวกรชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 62,500,000 บาท (หกสิบสองล้านห้าแสนบาทถ้วน)  ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีหมายเลขแดงที่ อร.16/2568 พิพากษาให้ยกฟ้องสภาวิศวกร โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

ประเด็นที่หนึ่ง สภาวิศวกรมีอำนาจในการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร และวุฒิบัตรในการประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 ต่อมาเมื่อมีการออกกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. 2550 กำหนดให้วิศวกรรมเคมีเป็นวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมซึ่งข้อเท็จจริงรับกันว่าคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (ก.ว.) หรือสภาวิศวกรยังไม่เคยมีการรับรองปริญญาในหลักสูตรปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต (เคมีอุตสาหกรรม) จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่ผู้ฟ้องคดีสำเร็จการศึกษา กรณีจึงมีผลทำให้ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพดังกล่าว ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 ประกอบกับ ข้อ 5 ข้อ 7 และข้อ 10 ของข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี พ.ศ. 2551 ดังนั้น การที่สภาวิศวกรมีมติเพิกถอนที่ออกใบอนุญาตฯ ให้ผู้ฟ้องคดีและปฏิเสธคำขอรับใบอนุญาตฯ ของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ประเด็นที่สอง  การที่ผู้ถูกฟ้องคดีอาศัยอำนาจตามพระระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวออกข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมเคมี พ.ศ. 2551 แม้อาจจะมีผลเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมเคมีแต่เดิมอยู่บ้างก็ตาม แต่การดำเนินการดังกล่าว ก็เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อให้การควบคุมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมเคมีเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และเป็นการคุ้มครองประโยชน์ จึงไม่ใช่เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ฟ้องคดีในการประกอบอาชีพที่มีอยู่ก่อนที่กฎหมายบังคับใช้ ซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใดข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีฟังไม่ขึ้น

สรุป คำสั่งของสภาวิศวกรชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้องศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ยกฟ้อง และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อหาอื่นเพราะผลไม่ทำให้คดีเปลี่ยนแปลงไป กรณีจึงไม่มีเหตุที่สภาวิศวกรจะต้องชดใช้ค่าเสียหายตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอดังกล่าวแต่อย่างใด