ผู้ฟ้องคดีทั้ง 13 ได้ยื่นฟ้องสภาวิศวกรและคณะกรรมการสภาวิศวกรต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลปกครองเพิกถอนมติของคณะกรรมการสภาวิศวกรที่มีมติเห็นชอบให้ว่าจ้างนิติบุคคลเอกชนเป็นผู้จัดพิมพ์และจัดส่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม และขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้สภาวิศวกรยกเลิกสัญญาว่าจ้างนิติบุคคลเอกชนเป็นผู้จัดพิมพ์และจัดส่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดคดีหมายเลขดำที่ อ.2282/2565 คดีหมายเลขแดง ที่ อ.661/2568 ฉบับลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นที่พิพากษายกฟ้อง โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ ประเด็นที่ 1 มติของคณะกรรมการสภาวิศวกรที่เห็นชอบให้ว่าจ้างนิติบุคคลเอกชนเป็นผู้จัดพิมพ์และจัดส่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม มีผลให้สภาวิศวกรต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งกระทบต่อสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว แต่เมื่อมติของคณะกรรมการสภาวิศวกรเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 ในการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิศวกรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตฯ จึงเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายและมีลักษณะเป็นการอนุมัติสั่งจ้าง มติดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 (2) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2543) จึงเป็นการกระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย และข้อมูลที่ต้องเปิดเผยเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการจัดพิมพ์และส่งใบอนุญาตฯ ประกอบกับข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานการประชุมของคณะกรรมการสภาวิศวกรเกี่ยวกับ ข้อดี ข้อจำกัด และค่าใช้จ่าย เห็นได้ว่า มติดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์เรื่องคุณภาพและต้นทุนของใบอนุญาตฯ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม อันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะด้านการประกอบวิชาชีพตามที่ได้รับมอบหมายตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 ดังนั้น แม้มติของคณะกรรมการสภาวิศวกรจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล แต่มติดังกล่าวได้กระทำไปโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็นและเพื่อประโยชน์สาธารณะตามมาตรา 32 วรรคสอง […]